เงาสะท้อนแห่งชีวิตอันเป็นนิรันดร์
Reflection of Infinity
นิทรรศการย้อนหลังของ Val (1976–2016)
21 มกราคม – 14 มีนาคม 2020
ณ SAC Gallery
ประติมากรรมรูปคนร่างโปร่งบางในท่าทางแปลกประหลาด จัดวางอยู่บนโครงสร้างที่แปลกประหลาดยิ่งกว่า ชวนให้สงสัยว่าพวกเขากำลังทำหรือจะทำอะไรบางอย่าง คือเอกลักษณ์ในงานสร้างสรรค์ของศิลปินหญิงชาวฝรั่งเศสผู้ล่วงลับ ซึ่งเคยใช้ชีวิตและทำงานศิลปะอยู่ในประเทศไทยมานานหลายสิบปี
Valérié Goutard (1976–2016) หรือที่รู้จักกันในนาม Val ย้ายมาพำนักและตั้งสตูดิโอของตนเองที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ปี 2004 เธอเป็นศิลปินที่ไม่ได้เรียนจบด้านศิลปะมาก่อน แต่ด้วยรูปแบบการสร้างสรรค์อันสวยงามในแบบเฉพาะตัว อันแสดงให้เห็นความหลงใหลในศิลปะ ผลงานประติมากรรมมากมายจึงได้ถูกจัดแสดงตามที่ต่างๆ ทั่วโลก ทั้งในมหกรรมศิลปะระดับนานาชาติ แกลเลอรีชื่อดัง และสถานที่สำคัญของเมือง อย่างในกรุงเทพฯ บางคนอาจเคยพบเห็นงานของเธอมาบ้างแล้ว ยกตัวอย่างเช่น Ville Fantastique II ที่ตั้งอยู่ ณ อุทยานเบญจสิริ Flying Lovers II ที่สวนลุมพินี หรือแม้แต่ใต้ทะเลที่เกาะเต่า ประติมากรรมรูปคน Ocean Utopia ของเธอ ก็ได้ถูกติดตั้งเอาไว้ให้เป็นปะการังเทียม

Bronze, 152 × 296 × 62 cm
Relection of Infinity จัดขึ้น ณ SAC Gallery โดยถือเป็นนิทรรศการย้อนหลังที่รวบรวมผลงานของ Val เอาไว้เป็นจำนวนมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทั้งเพื่อรำลึกถึงการจากไปของตัวศิลปิน และถ่ายทอดวิธีคิดในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะอันน่าทึ่งของเธอ
นิทรรศการกินพื้นที่จัดแสดงถึงสองชั้นของแกลเลอรี โดยในส่วนแรกที่ชั้นหนึ่ง เป็นการจัดแสดงผลงานที่สื่อถึง “การเดินทางของชีวิต” ประติมากรรมเหล่านี้มักแสดงให้เห็นภาพของมนุษย์ตัวเล็กๆ ท่ามกลางโครงสร้างที่ใหญ่เกินตัว สื่อแทนสภาวะนามธรรมที่มนุษย์ต้องเผชิญในการมีชีวิต เช่น ผลงานที่สื่อถึงการแสวงหา Le toit du monde ที่เป็นเหมือนเขาวงกตต้นไม้ขนาดใหญ่อันซับซ้อน ในแต่ละกิ่งก้านสาขามีผู้คนกำลังดิ้นรนหาทางออก และบนเรือนยอดด้านบนสุดนั้นเอง มีคนคนหนึ่งประสบความสำเร็จสามารถขึ้นไปยืนอยู่ได้แล้ว

Bronze, 150 × 48 × 57 cm
เส้นโค้งและวงกลม ก็เป็นสัญลักษณ์ที่ Val มักใช้สื่อสารถึงพลวัตของชีวิต ดังเช่นในผลงาน Jour de fête ประกอบไปด้วยวงล้อจักรยานหลายอันซ้อนกัน มีคนกำลังพยายามปั่นอยู่ด้านบน สะท้อนภาพของวัฏจักรแห่งชีวิตที่หมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา หรือ Wisdom ที่มีคนสองคนยืนอย่างหมื่นเหม่ ณ จุดสูงสุดส่วนปลายโค้งครึ่งวงกลม

Bronze and S. steel, 153 × 164 × 30 cm

Bronze, 54.5 × 87.5 × 13.5 cm
เดินขึ้นมาบนห้องจัดแสดงชั้นสอง บรรยากาศโดยรวมมืดลงเพื่อให้เข้ากับภาพรวมของผลงานที่สะท้อนการใคร่ครวญถึงสัจธรรมของชีวิตและความตาย ในส่วนแรกโดดเด่นด้วยงานประติมากรรมรูปคนขนาดเท่าจริง แสดงภาพคนสองคนกำลังนั่งสนทนาบนม้านั่งในสวน Conversation au parc II ราวกับกำลังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างจริงจัง

Bronze, 174 × 160 × 23 cm
ในทุกๆ พื้นที่ของห้องจัดแสดง เราจะพบผลงานที่ถือเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของ Val นั่นก็คือการใช้แก้วมาเป็นส่วนประกอบในผลงาน Val ถือเป็นศิลปินไม่กี่คนที่สามารถนำงานหล่อสำริดอันแข็งแกร่ง ใส่ไว้ในเนื้อแก้ว Murano — ที่ได้จากการทำงานร่วมกับช่างฝีมือจากเวนิส ประเทศอิตาลี — อันเปราะบางได้อย่างมั่นคง ความกลมกลืนของสองวัสดุที่มีความทนทานแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ตลอดจนการใช้แก้วแทนพื้นที่ว่างหรือสิ่งปิดกั้นที่มองไม่เห็น ถือเป็นกระบวนการสร้างความหมายให้กับตัวชิ้นงานได้อย่างน่าสนใจ

Glass, stainless steel, light and bronze inclusion
36 × 49 × 36 cm

ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเราจะรู้สึกได้ถึงอารมณ์ลึกซึ้งบางอย่างจากตัวงานแต่ละชิ้น ทว่าในขณะเดียวกัน ก็เคลือบแฝงไปด้วยสิ่งชวนสงสัย จากการที่งานประติมากรรมกึ่งนามธรรมเหล่านี้ไม่ได้บอกเล่าเรื่องราวใดๆ อย่างตรงไปตรงมา ด้วยการออกแบบส่วนประกอบที่คำนึงถึงบริบทองค์รวม การเลือกใช้โทนสี ไปจนถึงการหลงเหลือร่องรอยนิ้วมือไว้ตามพื้นผิว จึงทำให้มันกลายเป็นงานศิลปะที่สะท้อนนัยของชีวิตมนุษย์อันเป็นนิรันดร์.

Bronze, 78 × 125 × 62 cm